
อาร์เซน่อล หยุดเส้นทางเอฟเอ คัพ ในปีนี้อย่างรวดเร็วตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม
กลายเป็น “ยักษ์ล้ม” ทีมแรกของเอฟเอ คัพ ซึ่งในทุกปีมักมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นตลอดกับฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่และมีมนต์ขลังที่สุดในโลก
“ปืนใหญ่” ลงสนามในฐานะแชมป์สูงสุด 14 สมัย แต่ว่าไป “เร็วสุด” หลังพลาดท่าพ่ายต่อ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในการแข่งขันรอบสาม หรือรอบ 64 ทีมสุดท้าย ประโยคเดียวที่สรุปผลงานนัดนี้ของ อาร์เซน่อล ได้ชัดเจนคือ เป็นเกมที่เล่นได้ย่ำแย่ที่สุดในฤดูกาลนี้
มิเกล อาร์เตต้า ที่หายจากโควิด-19 กลับมาคุมทีมข้างสนามอีกครั้ง จัดทีมเน้นพอสมควร ไม่ได้ปรับยกชุดแบบคาราบาว คัพ
ในแนวรับ แบรนด์ เลโน่ รับหน้าที่เฝ้าเสาอยู่แล้ว ขณะที่เกมรับมี เบน ไวท์ ตัวหลักลงประคอง ร็อบ โฮลดิ้ง, เซดริก โซอาเรส และ นูโน่ ตาวาเรส
ถ้าจะจัดให้ดีกว่านี้ก็มีเพียง คีแรน เทียร์นีย์ ที่ลงตำแหน่งแบ็กซ้าย แต่เกมนี้ก็ควรเป็นโอกาสของ นูโน่ ตาวาเรส เพราะทีมมีเกมใหญ่รออยู่ทั้งในคารบาว คัพ กับ ลิเวอร์พูล และเกมลีกกับ สเปอร์ส ดังนั้น เทียร์นีย์ คงควรได้พัก
ส่วนอีก 2 ตัวหลักลงไม่ได้แน่นอนไม่ว่าจะเป็น กาเบรียล มากัลเญส ที่ติดโทษแบน และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ที่บาดเจ็บ
ตรงกลางจำเป็นต้องส่งเด็กลงคู่กันคือเพราะตัวเลือกอื่นไม่พร้อมลงเล่นไม่ว่าจะเป็น แทงบอล และ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ เดินทางไปเล่นทีมชาติ ส่วน กรานิต ชาก้า ติดโควิด
มีการตั้งข้อคำถามว่าในสถานการณ์ที่กองกลางหายไปหลายคนแบบนี้ อาร์เซน่อล ควรรั้งตัว เอนส์ลีย์ เมทแลนด์-ไนล์ส ให้เล่นเกมนี้ก่อนแล้วค่อยปล่อยไป โรม่า ได้หรือไม่ อาร์เตต้า ตอบประเด็นนี้ว่า “เป็นการตัดสินใจที่ทำไปแล้วด้วยเหตุผลหลายอย่างแตกต่างกัน”
นั่นทำให้ แซมบี้ โลคองก้า ได้จับคู่กับเจ้าหนู ชาร์ลี ปาติโน่ ดาวรุ่งที่ประเดิมตัวจริงครั้งแรกหลังเคยลงสำรองและยิงประตูได้ในคาราบาว คัพ เมื่อเดือนที่แล้ว
ส่วนเกมรุกก็ถือว่าเอาจริงทีเดียวกับการส่ง บูคาโย่ ซาก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่ปกติก็ลงตัวจริงร่วมกันตลอดในเกมลีกช่วงหลัง ขณะที่หน้าเป้าเลือกใช้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์
ติดตามข่าวสารได้ที่ greenapplegames.com